นายสุวรรธนะ สีบุญเรือง รักษาการแทนประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผู้โดยสารของการบินไทยขยายตัวอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับเทรนด์การท่องเที่ยวของทั่วโลกที่เริ่มกลับมาฟื้นตัว ซึ่งปัจจุบันการบินไทยกลับมาเปิดให้บริการเส้นทางบินราว70%หากเทียบกับช่วงก่อนเกิดโควิด-19และมีอัตราบรรทุกผู้โดยสาร (เคบิ้นแฟกเตอร์) สูงอยู่ที่85%ส่งผลให้รายได้จากการดำเนินงาน กลับมาใกล้เคียงช่วงก่อนเกิดโควิด-19โดยสามารถทำรายได้อยู่ที่1.2หมื่นล้านบาทต่อเดือน ขณะที่ก่อนเกิดโควิด-19มีรายได้จากการดำเนินงานราว1.5หมื่นล้านบาทต่อเดือน และถือเป็นรายได้ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง หากเทียบกับช่วงเกิดโควิด-19ที่การบินไทยมีรายได้ต่ำสุดอยู่ที่200ล้านบาทต่อเดือนคำพูดจาก ทดลองสล็อต pg
นายสุวรรธนะ กล่าวต่อว่า การฟื้นตัวของผู้โดยสารยังส่งผลให้กระแสเงินสด (แคชโฟว์) ของการบินไทยเพิ่มขึ้นสูงอยู่ที่ 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นจำนวนที่มากเพียงพอในการบริหารจัดการองค์กร ส่งผลให้การบินไทยไม่ได้มีความเร่งด่วนในการจัดหาเพิ่มทุนใหม่ แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อให้องค์กรยั่งยืน และออกจากแผนฟื้นฟูกิจการได้ การบินไทยยังคงต้องจัดหาทุนใหม่ 2.5 หมื่นล้านบาท ตามรายละเอียดที่ยื่นปรับปรุงแผนฟื้นฟูฉบับล่าสุด ที่ต้องจัดหาทุนใหม่ตามกระบวนการแปลงหนี้เป็นทุน และการเพิ่มทุน จากเจ้าหนี้เดิม และผู้ถือหุ้นเดิม ในวงเงิน 2.5 หมื่นล้านบาท ภายในปี 67 ซึ่งลดลงจากแผนฟื้นฟูเดิมที่วางไว้ 5 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันการบินไทยอยู่ระหว่างเตรียมจ้างบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) เพื่อเข้ามาช่วยดำเนินการในส่วนนี้
นายสุวรรธนะ กล่าวอีกว่า การจัดหาเงินทุนใหม่ระยะเร่งด่วนที่การบินไทยวางแผนไว้ คือวงเงินราว 1.25 หมื่นล้านบาท เพื่อนำมาเสริมสภาพคล่อง โดยทาง FA จะช่วยวิเคราะห์ทำแผนจัดหาวงเงินทั้งหมด เบื้องต้นจะจัดหาสินเชื่อใหม่แบบสินเชื่อระยะยาว ไม่เกิน 6 ปี และ/หรือตราสารหนี้ที่มีอายุการไถ่ถอนไม่น้อยกว่า 6 ปี จำนวนไม่เกิน 1.25 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ ยังเตรียมจัดหาสินเชื่อหมุนเวียน ในวงเงินไม่เกิน 1.25 หมื่นล้านบาทเผื่อไว้อีกด้วย และยังต้องเพิ่มทุนจดทะเบียนประมาณ 3.15 หมื่นล้านหุ้น โดยมีเป้าหมายในการทำให้ส่วนทุนเป็นบวก เพื่อทำให้โครงสร้างทางการเงินของบริษัทมีความมั่นคง และเพื่อให้หลักทรัพย์ของบริษัทสามารถกลับไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้อีกครั้งคำพูดจาก ฟรี เกมสล็อตทดลองเล่น
นายสุวรรธนะ กล่าวด้วยว่า การบินไทยตั้งเป้าหมายจะออกจากแผนฟื้นฟูฯ และกลับมาทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้ในปี 67 ซึ่งจะเร็วกว่าแผนที่กำหนดไว้ในปี 68 เพราะแนวโน้มการดำเนินงานในขณะนี้เป็นไปด้วยดี การบินไทยมีความสามารถทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นหนึ่งในเงื่อนไขที่กำหนดไว้สำหรับการกลับไปซื้อขายหลักทรัพย์ ที่จะต้องเพิ่มทุนได้ และมีสภาพทำกำไรได้ดีต่อเนื่อง โดยขณะนี้รายได้จากการดำเนินงานของบริษัท ก็ทำนิวไฮเพิ่มขึ้นทุกเดือน ซึ่งการบินไทยเริ่มมีกำไรตั้งแต่เดือน พ.ค. 65 ซึ่งเกิดขึ้นจากการปรับต้นทุนการบริหารงาน ค่าใช้จ่ายในทุกส่วน และยังหารายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อหักลบกับช่วงต้นปี ก่อนการท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว ทำให้ภาพรวมผลการดำเนินงานของการบินไทยในขณะนี้ ยังไม่ทำกำไร แต่ถือว่าขาดทุนลดลงมาก.